วิธีขันน็อตและเปลี่ยนล้อรถยนต์

วิธีขันน็อตและเปลี่ยนล้อรถยนต์

การขันน็อตล้อและเปลี่ยนล้อรถเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนควรรู้ เราอาจจะมีโอกาสต้องเปลี่ยนยางในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ยางรถยนต์แบนหรือยางแตก หรืออาจจะต้องเปลี่ยนในกรณีตรวจสอบล้อหรือซ่อมล้อ ถ้าล้อเบี้ยว น็อตหลวม ฯลฯ ดูเผิน ๆ อาจเป็นเรื่องไกลตัวและยากที่จะทำ แต่อันที่จริงเรามีอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมอยู่ในรถของเราแล้ว การเปลี่ยนล้อรถยนต์นั้นไม่ยากอย่างที่คิด

สิ่งเหล่านี้ คือ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงาน คุณสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่ติดมากับรถ รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์พื้นฐานติดมากับช่องเก็บของท้ายรถหรือกระโปรงหลังอยู่แล้ว หากขาดอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง ควรซื้อเพิ่มทันที

1. แม่แรง (Jack) : สำหรับยกรถขึ้น

2. บล็อกขันน็อต (Lug Wrench) : ใช้ถอดและขันน็อตล้อ

3. หัวบล็อก (Socket) : ขนาดที่พอดีกับน็อตล้อ (ส่วนมากใช้ 17-21 มม.)

4. ล้ออะไหล่ : สำหรับเปลี่ยนแทนล้อเสีย

5. ถุงมือ : เพื่อป้องกันมือจากสิ่งสกปรก

 

ถ้าของครบแล้วก็มาเริ่มกันเลย !
ขั้นตอนการเปลี่ยนล้อรถกระบะด้วยบล็อกกระแทก

1. จอดรถในพื้นที่ปลอดภัยโดยเลือกพื้นที่เรียบและมั่นคง อย่าลืมดึงเบรกมือและใส่เกียร์ P สำหรับเกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา

2. คลายน็อตล้อก่อนยกรถอใช้บล็อกกระแทกคลายน็อตล้อเล็กน้อยแต่อย่าเพิ่งถอดออกจนหมด หากน็อตแน่นมาก ให้ตั้งค่าบล็อกกระแทกที่แรงบิดสูงสุด

3. ยกรถด้วยแม่แรง โดยวางแม่แรงในตำแหน่งที่รองรับน้ำหนักรถได้ สามารถตรวจสอบกับคู่มือรถกระบะได้เพื่อหาจุดยกที่เหมาะสม เนื่องจากโครงสร้างตัวถังและจุดรับน้ำหนักของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน การยกแม่แรงผิดจุดอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างรถได้ สำหรับรถกระบะ จุดยกที่เหมาะสมมักอยู่ใกล้ฐานของคานล่างหรือใกล้ล้อที่ต้องการเปลี่ยน และให้ระวังส่วนของแผงปิดหรือถังน้ำมัน เมื่อทราบจุดยกรถที่เหมาะสมแล้ว ให้ใช้แม่แรงยกให้ล้อลอยจากพื้น

4. ใช้บล็อกกระแทกถอดน็อตล้อทั้งหมดแล้วถอดล้อเก่าออกจากตัวรถ

5. ใส่ล้อใหม่ในตำแหน่ง ใส่น็อตกลับเข้าที่ด้วยมือก่อน

6. ขันน็อตด้วยบล็อกกระแทกให้แน่นพอประมาณ (ยังไม่ต้องขันเต็มแรง) โดยให้ทำตามลำดับแบบ “กากบาท” หรือไขน็อตฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ล้อเข้าที่อย่างสมดุล

7. ลดรถลงแล้วค่อยใช้บล็อกกระแทกขันน็อตให้แน่นสุด โดยตั้งค่าแรงบิดตามคู่มือรถ อย่าขันแน่นเกินกว่าที่กำหนดเพราะอาจทำให้น็อตเสียหายได้

           

            หากคุณใช้งานทั่วไป เช่น ถอดล้อรถกระบะหรือรถปิกอัพ ให้เลือกบล็อกกระแทกไฟฟ้าแบบไร้สายที่มีแรงบิด 300-500 ฟุต-ปอนด์ แต่หากคุณต้องการความแรงสำหรับงานหนัก ให้เลือกรุ่นที่มีแรงบิด 500-1,000 ฟุต-ปอนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด

ความแตกต่างของรถแต่ละแบบ

1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถเก๋ง) ใช้น็อตล้อขนาดเล็กกว่า (แรงขันประมาณ 80-100 นิวตันเมตร)

2. รถกระบะ น็อตล้อใหญ่กว่ารถทั่วไป ควรใช้บล็อกกระแทก (แรงขันประมาณ 100-140 นิวตันเมตร)

3. รถ SUV หรือ PPV ใช้แรงขันน็อตคล้ายรถกระบะ (100-140 นิวตันเมตร)

           

            มือใหม่มักเข้าใจผิดว่าการขันน็อตให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้และจะทำให้ปลอดภัยกว่า แต่แรงบิดที่มากเกินไปสามารถทำให้เกลียวรูด หัวน็อตเสียหาย หรือล้อรถเสียหายได้ อีกทั้งยังอาจทำให้ถอดล้อได้ยากในครั้งถัดไป คุณสามารถใช้ประแจวัดแรงบิด (Torque Wrench) เพื่อให้แน่ใจว่าแรงบิดเหมาะสมตามสเปกของรถ รถกระบะทั่วไปใช้แรงบิดที่ 90 – 150 ฟุต-ปอนด์ แต่หากขันน็อตหลวมเกินไป ก็อาจทำให้น็อตคลายตัวขณะขับรถส่งผลให้ล้อหลุดออกซึ่งเป็นอันตรายได้อีกเหมือนกัน อาการนี้มักเกิดจากการไม่ใช้แรงขันเพียงพอหรือขาดเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น การขันด้วยมือเปล่าแทนการใช้บล็อก

            ข้อผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งคือขันน็อตเรียงกันเป็นวงกลมตามปกติ แต่ในการขันน็อตล้อรถควรขันรูปแบบไขว้เป็นกากบาทมากกว่า เพื่อให้ล้อแนบกับดุมล้ออย่างสมดุล หากขันผิดลำดับ ล้ออาจไม่แนบสนิท ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนหรือเสียสมดุลระหว่างการขับขี่ได้

 

เคล็ดลับที่ควรรู้

อย่าขันน็อตจนแน่นเกินไป : อาจทำให้น็อตเสียหายหรือขันไม่ออกในครั้งต่อไป

เช็คน็อตอีกครั้ง : หลังจากขับรถประมาณ 50-100 กม. ควรตรวจสอบความแน่นอีกครั้ง

ฝึกฝนก่อนเจอสถานการณ์จริง : ลองเปลี่ยนล้อเองสักครั้งเพื่อเสริมความมั่นใจ

อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถและฝึกฝนการเปลี่ยนล้อในเวลาว่างเพื่อสร้างความคุ้นเคย เพราะในสถานการณ์จริง ความพร้อมและความรู้พื้นฐานนี้อาจช่วยคุณได้อย่างมาก สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่บนถนนหรือจอดรถอยู่บ้าน การดูแลล้อและน็อตให้เหมาะสมและปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะล้อที่แน่นหนาและมั่นคงคือสิ่งที่ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นและปลอดภัย

ขอให้ทุกการเดินทางของคุณปลอดภัยและเต็มไปด้วยความมั่นใจ